Gordian Quest

Gordian Quest

Not enough ratings
คำอธิบายพื้นฐานและไกด์บางสายอย่างละเอียด
By GFate
คำอธิบายเบื้องต้นสถานะ เทคนิคการเล่น และการเล่นบางสายอย่างละเอียด
2
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
สถานะ Lightweight, Intrinsic, Retain, Limited และการจั่ว
การจั่วเป็นค่าสถานะที่สำคัญมากที่สุดของเกมนี้สถานะหนึ่ง เพราะจะเกี่ยวเนื่องไปกับจำนวนการจัดการ์ดลงในเด็คและการเสริมพลัง ถ้าจำนวนการจั่วน้อย และใส่การ์ดมากเกินไป ก็จะทำให้เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ของตัวละครนั้นๆได้ การจั่วจะต้องอาศัยดวงมากๆ และไม่สามารถวนคอมโบได้ การใส่การ์ดให้สมดุลกับจำนวนการจั่ว และแนวทางการเล่นจึงสำคัญมาก จึงต้องคำนวนให้ดีว่าจะทำอย่างไรให้จั่วการ์ดออกมาได้ครบทุกใบ แทบหรือทุกครั้งที่จั่ว



สถานะ Lightweight
เป็นสถานะที่จะทำให้หลังจากเทิร์นแรกไปแล้วเวลาจั่วจะไม่ทำการนับเมื่อจั่ว อ่านแล้วอาจจะงง จริงๆแล้วคำอธิบายนี้สามารถอธิบายผ่านตัวอย่างง่ายๆได้ดังนี้ค่ะ
ตัวละครมีค่าสถานะการจั่วที่ 5 ใบ มีการ์ดติดสถานะ Lightweight 3 ใบ การ์ดทั่วไปไม่มีสถานะอีก5 ใบ รวมการ์ดในDeckมีทั้งหมด8ใบ --> การนับการจั่วจะนับแบบนี้นะคะ สมมติเราจั่วการ์ดปกติได้3ใบแรก ก็จะนับว่าเราจั่วการ์ดไปแล้ว 3 ใบ พอจั่วใบที่4 มีสถานะLightweight ก็จะไม่นับการ์ดใบนี้ลงไปในจำนวนการที่จั่ว จะไปนับการ์ดใบต่อไปที่ไม่ติดสถานะ ถ้าใบที่5 มีสถานะอีกก็จะไม่นับอีก พอใบที่6และ7 เป็นการ์ดไม่มีสถานะก็จะนับการจั่วเป็นครั้งที่ 4 และ 5 ตามลำดับ เท่ากับเราจะจั่วการ์ดได้ทั้งหมด 7 ใบ เหลือการ์ด 1 ใบ แม้การ์ดใบที่เหลือจะมีสถานะLightweight ก็ตาม เพราะจำนวนการจั่วถูกนับจนถึงจุดสูงสุดแล้ว จึงหยุดจั่ว

สถานะ Intrinsic
สถานะนี้เป็นสถานะที่ตรงกันข้ามกับสถานะ Lightweight คือ จะไม่นับการจั่วในเทิร์นแรก และการ์ดจะถูกนำขึ้นมาอยู่ในมือทันทีเสมอในเทิร์นแรก หลังจากผ่านเทิร์กแรกไปแล้ว ก็จะมีสถานะเหมือนการ์ดปกติ
เช่น ตัวละครมีค่าสถานะการจั่วที่ 5 ใบ มีการ์ดติดสถานะ Intrinsic 3 ใบ การ์ดทั่วไปไม่มีสถานะอีก5 ใบ รวมการ์ดในDeckมีทั้งหมด8ใบ --> ในเทิร์นแรก ก็จะมีการ์ดขึ้นมาครบทั้ง 8 ใบ พอเทิร์นถัดไป ก็จะมีการ์ดขึ้นมือ 5 ใบ ตามจำนวนการจั่วปกติ อีก 3 ใบอยู่ในdeck
สถานะ Intrinsic จะมีอยู่ในการ์ดบางใบ แต่สามารถใส่รูน memory เพื่อติดสถานะนี้ได้



สถานะ Retain
สถานะนี้ เป็นสถานะที่คงสภาพการจั่วที่ถาวรจนกว่าเราจะใช้หรือทำการทิ้งการ์ดใบนี้ลงไป โดยในเทิร์นแรกจะนับการจั่วตามปกติ พอจั่วขึ้นได้แล้ว การ์ดจะอยู่ในมือเราตลอดเวลา ไม่ได้ถูกนำกลับลงไปในdeckเพื่อวนจั่วใหม่ ทำให้การ์ดที่มีสถานะนี้จะไม่ถูกนับอยู่ในจำนวนการจั่วด้วย
การ์ดที่มีสถานะนี้มักจะเป็นการ์ดประเภท Trickster กับ Passive
สถานะ Retain สามารถใช้คอมโบคู่กับสถานะ Intrinsic เพื่อให้การ์ดไม่ถูกนับในจำนวนการจั่วอย่างถาวรได้ แต่ได้ผลเฉพาะกับการ์ดที่ไม่ถูกเรียกใช้แล้วต้องทิ้งการ์ดอย่างการ์ดประเภท Passive เท่านั้น อย่างการ์ดตัวอย่างในรูป ทำให้เราสามารถบริหารการจัดการการ์ดในdeck ได้อย่างดีมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียจำนวนการจั่วไปฟรีๆและเริ่มคอมโบการ์ดได้ครบทั้งแต่เทิร์นแรก
การ์ด Passive ไม่มีผลกับรูนที่จำเป็นจะต้องกดใช้การ์ดจำพวก Fury might Focus Agility ฟื้นhp ฟื้นsp การทำงานของการ์ด Passive จะเป็นการ์ดที่ทำงานอัตโนมัตไม่ใช่การทำงานที่เรียกใช้ตลอดเวลา ง่ายๆคือเหมือน Talent

**จำนวนการจั่วนอกจากการอัพ Talent และใส่อุปกรณ์สวมใส่บางอย่างแล้ว ยังได้จากการ Augment และ Enchant ด้วยโดยแพตในเกมตัวเต็มนี้ ได้ปรับให้การคราฟของให้มีสถานเพิ่มการจั่วถูกจำกัดมากขึ้น
โดยเราจะ Enchant สถานะเพิ่มการจั่วที่แน่นอน(จะมีการจั่วประเภทที่ทุกกี่เทิร์นเพิ่มจำนวนการจั่วได้อยู่ แต่เป็นออฟไร้สาระค่ะไม่มีประโยชน์เลย)ได้แค่ สร้อย กับ หมวก





แต่มีข้อสังเกตน่าสนใจคือ การ Enchant ไอเทมให้มีสถานการจั่วได้ 2 ออฟ สามารถทำได้ไหม ก็เป็นเรื่องที่น่าทดลองค่ะ ดูจากภาพนี้



จะเห็นว่าสร้อยมีออฟ เพิ่มการจั่วอยู่แล้ว พอจะคราฟขึ้นไปเป็นของสีฟ้า ออฟเพิ่มการจั่วก็ยังคงขึ้นตัวสีขาวแสดงความน่าจะเป็นในการได้ออฟอยู่

การ Augment ที่เพิ่มจำนวนการจั่ว จะทำได้แค่กับ รองเท้า และ เสื้อ เท่านั้นค่ะ





สถานะ Limited



สถานะLimited เป็นสถานะที่จำกัดการใช้การ์ด ให้การ์ดใบนั้นสามารถใช้ได้แค่เทิร์นละครั้ง แต่การจำกัดนี้นับเป็นจำนวนใบ เช่น ถ้าเราใส่ Final Verse ไป 3 ใบ ก็จะใช้ Final Verse ทั้ง 3 ใบนี้ได้โดยถูกจำกัดการใช้แต่ละใบแยกออกจากกัน การติด Limited สามารถวนกลับมาให้จั่วได้ในเทิร์นั้นๆ แต่จั่วมาแล้วจะไม่สามารถใช้ได้ถ้าใช้งานการ์ดใบนั้นได้
การคำนวณดาเมจ และ สถานะ Fury Might
สถานะ Might
เป็นสถานะที่เพิ่มความเสียหายให้อีก 30 % และมีTalent ของสวมใส่ เพิ่มความแรงให้กับสถานะนี้ แต่การเพิ่มความแรงให้สถานะนี้ไม่ใช่การนำไปบวกกัน แต่เป็นการเพิ่มแบบเปอร์เซ็น
เช่น มีTalent3(Str) Force of nature ที่จะเพิ่มความแรงให้สถานะ Might อีก 100% แต่ไม่ได้เอาไปบวกกันเป็น 130% แต่เป็นการเพิ่มตามสูตรคำนวนคือ 30+(30*เปอร์เซ็นที่เพิ่ม) = ความแรงของสถานะ might
ในกรณีมี Talent นี้ might ก็จะมีความแรง = 30+(30*100%) = 60%
สถานะนี้จะเพิ่มความแรงเฉพาะจำนวน hit เท่านั้น เช่นมีสถานะ might 4 แต่ใช้การ์ดโจมตีที่ทำความเสียหายหลายhit สมมติว่า10hit ความแรงจะเพิ่มแค่ 4 hit ตามตำนวนสถานะmight หรือสกิล aoe ที่โดนมอนหลายตัว ก็จะเพิ่มความแรงตามจำนวนสถานะเช่นกัน เช่น might 2 แต่ aoe โดน 4 ตัว ก็จะมีแค่2ตัวที่ได้รับผลเพิ่มความเสียหายเท่านั้น

สถานะ Fury
เป็นสถานะที่เพิ่มความเสียให้อีก 40% โดยการเพิ่มจะไม่นับเป็นจำนวนhit เหมือน might แต่จะนับเป็นชุดการโจมตี เช่น ใช้การ์ดโจมตีที่ทำความเสียหายหลายhit สมมติว่า10hit ความแรงจะเพิ่มขึ้นทั้ง 10 hit

****สถานะ might fury ไม่มีผลกับสกิลที่ทำให้เกิดสถานะDebuff จำพวก Shock Poison burn chill Vulnerable****

สูตรการคำนวนดาเมจหลักของเกมนี้คือ

(ดาเมจการ์ด + คริ + Vulnerable)*(100%+might%)*(100%+fury%)*(100%+empowered%)*(100%+fragile%) = ดาเมจทั้งหมดที่ทำได้ ก่อนหักลบด้วยค่าการป้องกันของศัตรู

ตัวอย่าง 1



การ์ดหลักมีดาเมจ 82
มี might + T3(Str) force of nature = 60%
fury = 40%
Critical = 173
ศัตรูติด Vulnerable = 10
ศัตรูไม่มีการป้องกันกายภาพ
คำนวนความเสียหาย --> (82+173+10)*(100%+60%)*(100%+40%) = 593.6 ปัดขึ้นเป็น 594

ตัวอย่าง 2



ศัตรูและข้อมูลเดิมจากตัวอย่างที่1 เพิ่มเติมคือศัตรูตืดสถานะ Fragile ที่จะทำให้โดนดาเมจแรงขึ้น 30% (สถานะนี้ก็เหมือนสถานะ might แค่เปลี่ยนจาก buff เป็น debuff)
คำนวนความเสียหาย --> (82+173+10)*(100%+60%)*(100%+40%)*(100%+30%) = 771.68 ปัดขึ้นเป็น 772
Bard สาย Jake of All Trades
Build บางสายก็ได้แนวทางมาจากไกด์นี้นะคะ สามารถเข้าไปดูเป็นแนวทางเบื้องต้นได้ค่ะ
https://gtm.steamproxy.vip/sharedfiles/filedetails/?id=2646512420



บิ้วนี้เป็นบิ้วเป็ด เป็ดคือเป็ดแบบทำได้ทุกอย่างค่ะ แต่หน้าที่หลักคือการใช้ Bardic Expertise บัฟ ตอนเริ่มให้เลือกสาย Sonneteer เพราะเป็นสายที่มาคู่กับการ์ด Epic 1 ใบ คือ Chorus of Evocation แล้วเปลี่ยนการ์ดให้กลายเป็น Final Verse และมี Bardic Expertise 2 ใบ ทำให้ทำdeckได้ง่ายขึ้น

การ์ด ทั้งหมด 14-15 ใบ จำนวนการจั่วที่แนะนำ8เป็นอย่างน้อย
- Jake of all trades 1 ใบ
เป็นการ์ดที่เอาไว้ติด Tone ทั้ง3แบบ ใช้ตอนเปิดเกม ต้องติดรูนmemory เท่านั้นเพื่อใช้เปิดเกม สำคัญมาก
master อะไรก็ได้ จะไม่masterก็ได้
master lightweigh เพื่อลดภาระการจั่ว
ส่วน master disple ลดบัฟศัตรูทุกตัว แต่ต้องพิจารณาว่าการลบบัฟจำเป็นขนาดนั้นหรือไม่ โดยการแลกกับ 1 Sp ซึ่งสามารถใช้การ์ด Verse of Abating ลบบัฟเป้าหมายเดียวแทนได้

- Bardic Expertise 2 ใบ master inspiring
เป็นการ์ดคีหลักของบิ้วนี้ ใช้บัฟคริ เกราะ และchannel ต้องติดรูนmemory 1 ใบ เพื่อให้บัฟตอนเปิดเกม เป็นการ์ดประเภทChorus ให้สะสม inspiration ให้เต็มแล้วกดใช้ เพื่อขยายเกจสะสม inspiration ให้เยอะขึ้น จำนวนการสะสมได้ยิ่งมาก การบัฟยิ่งมีประสิทธิภาพเท่านั้น การสแปมใช้ก็ต้องระมัดระวังด้วย ต้องบริหารค่า sp ให้ดีรวมถึงการรู้จักพอเพื่อคอนโทรลการจั่วตอนที่คอมโบกับRythm of Spirit ตอนที่ap 0 การ์ดในมือไม่คุ้มให้กดBardicแล้วและspไม่มาก ก็ควรคอนโทรลการจั่วและเก็บInspirationไปใช้ในรอบต่อไป บางอย่างอย่าฝืนค่ะ เพื่อความไม่เน่าในรอบต่อๆไป

- Final Verese 2 ใบ
เป็นการ์ดที่เอาไว้จั่ว จั่วแบบกระจุยกระจาย จั่วแล้วทำให้การ์ดที่จั่วใช้apลดลง 1 เท่ากับว่าการ์ดบางใบเราจะไม่เสียค่าcost จำนวนที่จั่วได้จะขึ้นอยู่กับว่าเรามีค่า inspiration มากแค่ไหน ถ้าต้องการจั่วให้จั่วก่อนใช้การ์ดประเภท Chorus เสมอ

- Rythm of Steadiness 1 ใบ
เป็นคีการ์ดสำคัญ ค่าinspiration เพิ่มจากค่าสเตตัส นอกจากจะช่วยปั้มค่า inspiration ได้แล้วยังให้สถานะที่เมื่อจบเทิร์นแล้ววนเทิร์นใหม่ค่า inspiration จะไม่ลดลงไป ทำให้สามารถเริ่มเทิร์นด้วยการใช้ Bardic Expertise ได้ทันทีแล้วปั้มค่า inspiration แล้วจั่วด้วย Final verse ได้ทันที เป็นการช่วยลดการเสียทรัพยากรได้อย่างดี
ถ้าจะทำ master ให้ทำ impulse ห้ามทำ Lightweight เด็ดขาด เพราะเป็นการ์ดที่เอาไว้ปั้มค่า Inspiration เป็นการเพียงไม่กี่ใบ ที่เพิ่มInspiration ตามค่าสเตตัส การแลกด้วยการลดค่าValueของการ์ดจึงไม่คุ้มอย่างมาก

- Rythm of Spirit 1 ใบ
เป็นคีการ์ดสำคัญ ค่าinspiration เพิ่มจากค่าสเตตัส นอกจากจะช่วยปั้มค่า inspiration ได้แล้วยังทำให้สามารถเลือดการ์ดในมือกลับไปวางไว้บนสุดของdeck ได้ ช่วยให้เราสามารถcontrol การจั่วได้ เช่น ต้องการลดค่า cost ของการ์ดในมือด้วย Final verse เพื่อช่วยให้สแปมใช้การ์ดได้เยอะขึ้น หรือ การันตีการจั่วได้ Bardic expertise หรือ Final verse ในเทิร์นถัดไป ทำให้เราไม่มีโอกาสมือเน่า
master ไม่ดีทั้ง 2 อัน การลด Ap เป็น 0 เหมือนจะดี แต่จริงๆแล้วไม่ดี เนื่องจากเป็นการ์ดที่เอาไว้ปั้มค่า Inspiration เป็นการเพียงไม่กี่ใบ ที่เพิ่มInspiration ตามค่าสเตตัส การแลกด้วยการลดค่าValueของการ์ดจึงไม่คุ้มอย่างมาก

- Verse of Abating 1 ใบ master Disple
เป็นการ์ดที่เอาไว้ลดบัฟศัตรู และดีบัฟสถานะ Vulnerable

- Verse of Evocation 1 ใบ
เป็นการ์ดโจมตีเพียงใบเดียว เนื่องจากเราบัฟคริแล้วถ้าไม่ใช้บัฟก็จะหายไปอย่างน่าเสียดาย จึงใส่เอาไว้เพื่อให้สามารถช่วยโจมตีได้

- Verse of Purity 1 ใบ ต้อง master Spirited เท่านั้น ช่วยปั้มค่า sp ได้
เป็นการ์ดซัพพอร์ทที่เอาไว้ล้างดีบัฟได้ 2 ดีบัฟ ไม่ต้องไปหวังเรื่องเกราะเลยค่ะ ปกติแค่วน Bardic ก็เกราะหนามากอยู่แล้ว

- Verse of Guile 1 ใบ
ถ้าจะทำ master ให้ทำ Lightweight เพื่อลดภาระการจั่ว
เป็นการ์ด ที่ใส่เอาไว้ เพื่อปั้มค่า inspiration
**สามารถเปลี่ยนมาใช้ Verse of Vigor แทนได้ โดยmaster Spirited เพื่อช่วยปั้มค่า sp

- Songstress' Glamor 1 ใบ master inspiring ติดรูน Recall เพื่อการวนใช้ซ้ำ
เป็นการ์ดฮีลที่มีติดเอาไว้ เพื่อความสารพัดประโยชน์ การใช้การ์ดนี้นอกจากจะใช้เพื่อฮีลได้แล้ว ยังสามารถใช้เพื่อเร่งค่า max inspiration ในช่วงแรกให้สูงขึ้นได้ หรือเพื่อบริหารค่า sp ในกรณ๊ที่อาจจะมีช่วงที่ปั้มไม่ทันและต้องการเร่งค่า max inspiration

- Melodic 2 ใบ cost 0 ปั้ม 2 inspiration

- ใบที่ 15 Rap 1 ใบ กรณีใส่ไอเทม Ria's Repute และต้องการใช้การ์ดใบนี้ ให้ติดรูน Spirit rune

*หมายเหตุ melodic, rap สามารถเปลี่ยนมาใส่ Rap Verse แทนได้

Talentสำคัญและค่าสเตตัส
ค่าสเตตัสเบื้องต้น - ปรับได้ตาม talent ที่จะอัพ
str 16 dex 21 int จัดเต็มเพราะเป็นสเตัสหลักของสายนี้
Talent ฝั่ง Str
Tier 1 Raw Strenght - เพิ่ม str 4
*Tier 2 Shield Fighter - ได้บัฟ Avert (กันดาเมจ100% 1ครั้ง ง่ายๆคืออมตะ 1 การโจมตี) ทุกๆ 3 เทิร์น ถ้าเราใส่โล่
*Tier 3 Rising Tide - เพิ่มเกจ sp ไวขึ้น ควรทำให้ค่า Deck Size ขึ้นต่ำลดน้อยลงให้มากที่สุด
Talent ฝั่ง Dex
*Tier 1 Well Prepared - + 1 max card draw
Tier 1 Arobatic - เพิ่ม 4 dex
Tier 3 เลือกระหว่าง Phantom กับ Deadly Precision
Phantom - มีโอกาสสแปม Avert ได้ทุกเทิร์น แต่โอกาสก็ตามดวงช่วยให้ยืนรอดได้
Deadly Precision - +1 max card draw ในกรณีไม่มีบัฟ Agility
Talent ฝั่ง Int
*Tier 1 Curio Attunement - สำคัญหลักๆคือ +1 max card draw กับ 2 all resists
*Tier 1 Art of War - เร่งเกจ sp
*Tier 1 Calculated - ทำให้การ์ดdexได้โบนัสจากค่า int ด้วย ช่วยให้การ์ด Rythm of Steadiness ปั้มค่า inspiration ได้มากขึ้น
*Tier 3 Hidden Reserves - +1 max card draw กับช่วยให้การ์ดติดสถานะ expend มีโอกาส 30% ที่จะได้กลับมาวนจั่วได้อีกรอบ

Talent ที่ติด * คือต้องอัพก่อนนะคะ เริ่มจากพวกเพิ่มจำนวนจั่ว ตามด้วยสแปมค่า sp และเพิ่มโบนัสค่าสเตตัสให้การ์ดDex
เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ ค่า initiative ที่ตัวเราต้องมีมากพอที่จะได้เริ่มเป็นตัวละครแรกเสมอ ก่อนศัตรูและก่อนคนในทีม เพื่อการซัพพอตทีมที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการที่สเตตัสหลักคือ int อาจจะต้องใช้แต้มskill อัพ Assimilate โดยเลือกย่อยการ์ดสีเขียวrank4 ที่จะเพิ่ม initiative ได้12 แลกกับการที่เสียการ์ดไป 1 ใบ การเพิ่ม rank การ์ด ถ้าในChap1-2 จะมีจุดตั้งแคมป์ สามารถใช้จุดแคมป์ใน map เพื่ออัพrank การ์ดแบบฟรีๆไม่ต้องเสียแต้มskill ได้ ถ้าเราตั้งแคมป์เองจะไม่มีจุดอัพrank

อุปกรณ์สวมใส่สำคัญ
Headgear

- Twisted Gaze



หมวกที่ช่วยปั้มค่า Sp ได้เป็นจำนวนมาก แต่การ์ดที่แถมมาด้วยไม่จำเป็นต้องใช้ ให้ใส่รูนกำจัดการ์ดออกไป ซึ่งเรามีการ์ด Debuff อยู่ 2 ใบคือ Jake of all trades และ Verse of Abating

Belt

- Ria's Repute



เป็นเข็มขัดที่จะแถมการ์ด Rap มาฟรีๆ 1 ใบ ถ้าต้องการใช้ให้ใส่คู่กับรูน Spirit rune ข้อดีของเข็มขัดคือ เมื่อ Battle Start จะบัฟค่า inspiration มาให้ 1 แต้ม เท่ากับว่าเราสามารถประหยัด 1 ap และการ์ดบนมือในการปั้มค่า inspiration ไปได้ ทำให้สามารถเสริมความแข็งแกร่งของบัฟ Bardic และการจั่วด้วย Final verse ได้ไวขึ้น

Ring

- Ouroboros



เป็นแหวนที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นด้วยออฟชั่นเพิ่ม sp เมื่อ battle start และออฟชั่นการช่วยยืดอายุของการ์ดที่เป็นการ์ดประเภท Expend (ใช้ได้ครั้งเดียวในแต่ละbattle ใช้แล้วจะไปอยู่ในกองการ์ดexpendingที่จะไม่เอามาวนจั่วอีก) ที่จะทำให้เมื่อใช้แล้วการ์ดดังกล่าวจะไม่ไปอยู่ในกองการ์ดที่ใช้แล้วเพื่อวนการจั่วใหม่

- Breath of Life



เป็นแหวนที่แถมมาด้วยการ์ดชุบชีวิต ให้ติดรูน recall เพื่อโอกาสในการวนใช้ซ้ำ แหวนวงนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ Bard สาย Jake เป็น Jake of all trades จริงๆ แต่ค่าcost ก็สูงมากคือ 3 sp ทำให้โอกาสที่จะใช้ในเทิร์นแรกๆยากมาก กับสายที่ต้องบริหารและใช้ค่า sp จำนวนมากในแต่ละรอบ

ในส่วนของring และ belt ถ้าหาไม่ได้จำเป็นไหม คำตอบคือ ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้น หาไม่ได้ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการเล่นเลย แหวนสามารถหาแหวนปกติที่มีออฟชั่น เพิ่ม sp ตอน battle start อื่นๆมาแทนได้ และอาวุธ ต้องใส่มือเดียว ถือโล่ นะคะ อาวุธ แนะนำเป็นคทา ค่ะ
****สิ่งสำคัญที่สุดคือการบริหาร sp นอกจากการ์ดที่ต้องติดรูนmemoryแล้ว การ์ดที่เหลือที่ติดรูน spirit ได้ก็ควรติด และควรหารูนระดับสูงมาใช้ด้วย ****

ข้อควรระวัง ก่อนจบการต่อสู้แต่ละครั้ง ควรเหลือค่า sp ให้พอที่จะเริ่มการต่อสู้แมต(ไม่ใช่เทิร์นะ)ต่อๆไปให้เริ่มแล้วมีค่า sp อย่างน้อย 2 (ตำนวนคู่กับไอเทมที่เพิ่มค่า sp ตอน battle startด้วยก็ได้) เพื่อความลื่นไหลในการทำคอมโบ Jake กับ Bardic หรือจั่วในตอนเริ่มการต่อสู้ในแมตนั้นๆ
Swordhand สาย Juggernaut


การ์ดทั้งหมด 10 ใบ จำนวนการจั่วที่แนะนำคือ 8 แต่ถ้าทำ10ได้ก็ดี

Flying Spike 1 ใบ master Rage
การ์ดดาเมจหลักที่แรงที่สุด การโจมตีของการ์ดใบนี้จะเป็นการแทงทะลุ เส้นตรง กล่าวคือทำดาเมจแค่ 2 ช่อง เท่านั้น ถ้าศัตรู 3 ตัวเส้นตรง ก็จะโดนแค่ 2 ตัวหน้า แต่ถ้าเป็นบอสตัวใหญ่ที่กินพื้นที่หลายช่อง ก็โดน ตามจำนวนช่องที่ทะลุไป

Weapon Throw 1 ใบ master long Range
การ์ดที่ช่วยโจมตีระยะไกล ทำให้เคลียศัตรูในระยะไกลได้ง่าย พร้อมด้วยบัฟ Fury

Diving Zone 1 ใบ
สกิล aoe เพียงหนึ่งเดียว พร้อม tag สถานะ rage ทำให้เราสามารถบูสดาเมจให้เคลียมอนกลุ่ม 4 ตัวได้ง่ายในการโจมตีตัวเดียว ถ้าไม่ตายก็ยังมีการ์ดใบอื่นช่วยเก็บได้ การทำดาเมจ จะเป็นลักษณะแบบ 2*2

Devastate 1ใบ master remove modifier : Limited
การเปลี่ยนให้ใช้ค่า Sp แทน Ap ทำให้เพิ่มจังหวะการทำดาเมจได้มากขึ้น เนื่องจากการ์ดทำดาเมจหลักๆ ใช้ Ap สูงอยู่แล้ว เช่น ใช้ Diving Zone + Flying Spike ก็จะใช้ Ap หมดแล้ว แต่ถ้ามีการ์ดทำดาเมจที่ใช้ sp เพิ่มมา ก็จะทำให้มีการโจมตีเพิ่มขึ้นอีก 1 รอบ ซึ่งก็ต้องเลือกใช้ว่าจะใช้ Wepon Throw หรือการ์ดใบนี้

Solid Defense 1 ใบ master Lightweight
การ์ดปั้มเกราะหลัก ยิ่งมีจำนวนการ์ด Block มากเท่าไหร่เกราะยิ่งหนา จำนวนเกราะที่เพิ่มก็ใกล้เคียงกับการใช้การ์ด Block ทีละใบ เหมือนใช้ค่า cost แค่ 1 เพื่อกดการ์ดป้องกันทั้งหมดในมือ โดยค่าGuard จากตัวการ์ด Solid เองเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการ์ดBlockให้ทิ้งก็มากอยู่แล้ว

Block 2 ใบ master Lightweight
ใส่เพื่อทิ้ง เวลาใช้ Solid Defense

Empower 2 ใบ เป็นการ์ดจากอุปกรณ์
เป็นการ์ดที่ได้จากการใส่อุปกรณ์ เอาไว้บัฟ might ใส่ตัวเอง

Threater 1 ใบ เป็นการ์ดจากอุปกรณ์
เป็นการ์ดจากอุปกรณ์เอาไว้ใส่ดีบัฟ Fragile ใส่ศัตรูเพื่อเร่งดาเมจ


หมายเหตุ จำนวนการจั่วที่เพิ่มขึ้นทำให้การเล่นง่ายขึ้น ถ้าทำจั่วได้ 12 ก็อาจจะติดการ์ด Heal ไว้ซักใบ และใส่การ์ดที่มีสถานะ Armor มาเพิ่มได้ จะทำให้เกราะหนามากขึ้น หรือจะใส่การ์ด Indomitavle Will เอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน ก็ได้เหมือนกันค่ะ

Talent และเสตตัส
สเตตัสหลัก Str
Dex Int

Talent Str
T1 Battle Rouse - +1 max Fury เทิร์นแรกจั่วเพิ่มได้ 1 ใบ
T2 Executioner - ใส่อาวุธประเภท 2 มือ ปั้ม 1 might ทุกเทิร์น
T2 Savage Strikes - ดีบัฟ Bleed ใส่ศัตรูความแรง 50 % ของ Str mod
T3 Force of Nature - เพิ่มเอฟเฟค Might 100%

Talent Dex
T1 Well Prepared - + 1 max card draw

Talent Int
T1 Curio Attunement - สำคัญหลักๆคือ +1 max card draw กับ 2 all resists
T1 Art of War - เร่งเกจ sp
T3 Hidden Reserves - +1 max card draw กับช่วยให้การ์ดติดสถานะ expend มีโอกาส 30% ที่จะได้กลับมาวนจั่วได้อีกรอบ แต่บิ้วนี้ไม่มีการ์ดexpend จึงอัพเพื่อเอาจำนวนการจั่ว

สเตตัส ที่ต้องการเพื่ออัพTalent นั้นจะใช้skill point อัพ หรืออัพTalent ใส่เพิ่มสเตตัสหรือ ใส่อุปกรณ์ หรือใส่รูนก็ได้ค่ะ ตามความสดวกเลย

แนวทางการเล่น
ในการเล่นสายนี้ จะสมดุลทั้งการโจมตีและการป้องกัน การโจมตีจะเป็นประเภทระเบิดพลัง ทำให้การโจมตีไม่ถีแต่เน้นแบบทีเดียวแรง
การป้องกัน จะใช้การ์ด Solid Defense เพียงใบเดียว ถ้าใส่โล่ Vanguard ก็ใช้การ์ด Shield Block มาเสริมความทนทานเพิ่มเติม
การทำดาเมจ โดยหลักถ้าต้องการทำดาเมจแรงๆก็จะเน้นไปที่การบัฟ Might และสะสม Fury จำนวนมาก และดีบัฟ Fragile ใส่ศัตรู และตามด้วยการทำดาเมจ การทำดาเมจต้องบริหารและดูจังหวะให้ดีว่าจะ ทำดาเมจกี่ครั้ง กลุ่ม หรือเดี่ยว แต่เชื่อว่าลองเล่นปุ๊ปก็รู้ได้เองทันทีว่าควรใช้อะไร เพราะการ์ดที่ให้ใช้ก็ไม่ได้เยอะ แต่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ เล่นง่ายมาก

อุปกรณ์สำคัญ

Weapon

- The Tribute



ติดรูนที่เปลี่ยนให้ใช้ค่า Sp แทน Ap และ Fury + Might

- Cutjaw



ขวานที่ช่วยบัฟให้ Weapon Throw แรงขึ้น และช่วยเรื่องการฟื้น Hp เวลาฆ่าศัตรู ซึ่งส่วนใหญ่เราก็มักจะฆ่าศัตรูได้ทุกเทิร์นอยู่แล้ว รูนก็แน่นอนว่า Fury Might ใส่คู่กับโล่ Vanguard

หมายเหตุ อย่างไรก็ดีในเรื่องของอาวุธ ถ้าไม่มีทั้ง 2 ชิ้นนี้จะใส่อาวุธดาบธรรมดาที่ออฟชั่นดีๆแทนก็ได้ และเลือกใส่รูน Fury เป็นหลัก ถ้ามีช่องเหลือก็ใส่ Might หรืออะไรก็แล้วแต่สดวก

Off-Hand

- Vanguard



ในกรณีใช้อาวุธมือเดียว ก็เป็นโล่ที่ดีที่สุดด้วยของแถมคือการ์ด Shield Block ที่ทำให้ได้บัฟ Armor ทำให้เกราะแตกได้ยากขึ้นไปอีก เป็นไอเทมที่ดีมากสำหรับการป้องกัน กับของแถมเล็กๆตามเอฟเฟคโล่

Belt
- Orge Band



ติดรูน Fury เป็นเข็มขัดที่แนะนำเพราะดีที่สุดในบรรดา 3 เส้น เพิ่ม max hp และ Str อีก 11 % สำคัญคือการ์ดEmpower ติดรูน Fury เท่ากับบัฟ สถานะ Might และ Fury

- Sigmund's Pride



เวอร์ชันดาวเกรดของ Covenant Of Power

- Venator's Mark



กรณีอยากได้การ์ดไว้ฮีลเวลาฉุกเฉิน

Armor

- Mirror mail



ใส่รูน memory ข้อดีคือการได้รับสถานะ Averd ในบรรดาเกราะทั้ง 3 อันแนะนำ Mirror Mail เนื่องจากความแน่นอนในการได้รับบัฟ รองลงมาคือ Twisted Warden

- Twisted Warden



เกราะแถมการ์ดฮีล และ max hp

- Emel's Purity



ข้อดีคือมีโอกาสป้องกันการตายฉุกเฉินได้ 1 ครั้ง แต่ถ้าโดนดาเมจแบบทีเดียวตายเลยก็ไร้ประโยชน์ กับแถมการ์ดบัฟป้องกันดีบัฟ

Gloves

- Hands of Valor



ในกรณีที่ Solo หรือในตี้ไม่มีการบัฟCri เป็นจำนวนมาก ก็เป็นถุงมือที่คุ้มค่าในการบูสดาเมจจากค่า Might ได้ดีที่สุดอันหนึ่ง ควรสุ่มการเพิ่มเอฟเฟคได้ได้มากกว่า 100% และการเพิ่มค่า Might ก็ไม่ใช้การเพิ่มแบบการเอาไปบวกตรงๆ อ่านได้ที่การอธิบายสถานะ Might

Shoes

- Lion's Pace



ติดรูน Fury เป็นรองเท้าที่แนะนำ เนื่องจากเริ่ม battle ด้วย 1 Fury แต่ที่สำคัญเลยก็คือได้การ์ดดีบัฟ ที่จะดีบัฟสถานะ Fragile ใส่ศัตรูซึ่งช่วยบูสดาเมจได้มาก อีกทั้งจำนวนดีบัฟยังเพิ่มขึ้นตาม Str mod อีกด้วย

Headgear

- Ambrosia



เช่นเดีนสกับ Orge Band ความสำคัญคือการ์ดที่ Empower ที่ติดมาด้วย และการป้องกันธาตุ ใส่รูน Fury + Might

Amulet

- Chains of Regret



เป็นคีย์ไอเทม เอาไว้ปั้มสถานะ Fury เนื่องจากการ์ดทำดาเมจแทบทั้งหมดมีสถาน Rage แปลว่า Max Fury และจำนวน Fury มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งระเบิดดาเมจได้แรงมากขึ้นเท่านั้น ควรสุ่มเอฟเฟคโอกาสให้ได้มากที่สุด
Spellbinder สาย Hybrid Ice Magic Sword


การ์ดทั้งหมด 13 ใบ จำนวนการจั่วที่แนะนำคือ 12 ใบ จำนวนการจั่วต้องเท่ากับจำนวนการ์ดพอดี
Hearth of Winter 1 ใบ Master Lightweight
Master Lightweight ของการ์ดใบนี้ไม่ผลเสียของการลดสถานะความแรง และเป็นการ์ดใบเดียวที่ติด Lightweight จึงไม่นำมานับเป็นจำนวนการจั่ว และการ์ดใบนี้จะจั่วได้หรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญ เพราะเอาไว้ใช้ซัพพอร์ตการ์ด Blizzard เท่านั้น โดยการแสดงผลของการ์ดใบนี้จะแสดงผลแค่เป้าหมายเดียวเท่านั้นแม้ Blizzard จะเป็นสกิล aoe ก็ตาม โดยจะแสดงผลกับเป้าหมายที่เรากดเลือกตอนใช้การ์ด Blizzard

Blizzard 1 ใบ Master Surge ต้องติดรูน Potent
เนื่องจากการ์ด Blizzard เป็นการทำดาเมจผ่านการดีบัฟสถานะ chill ฉะนั้นถ้าศัตรูมี Guard อยู่จะป้องกันการ์ดใบนี้ได้ 100% จึงจำเป็นต้องติดรูน Potent เพื่อทำการเจาะเกราะ และตัวการ์ดเป็นการ์ด Channels จึงเข้าคู่กับบิ้วนี้เป็นอย่างดี และเป็นการ์ดปั้ม sp ชั้นดี

Mana Burn 1 ใบ Master Empowered
สุดยอดท่าไม้ตายที่ทำดาเมจเป้าเดียวแรงมาก ควรใช้ในกรณีที่มีบัฟ might + Fury เป็นการ์ดปั้ม sp ชั้นดีอีกหนึ่งใบ

Magic Sword จำนวนที่เหลือของการ์ดจั่ว ในกรณีนี้คือ 6 ใบ Master Chanel Generator
การ์ดหากิน ไว้ยิงตอดๆก็ได้ ใช้เป็นวัตถุดิบของการ์ดอื่นก็ได้ ปั้ม channels ก็ได้

Invoker Of Blades 1 ใบ
การ์ดทำดาเมจอีก 1 ใบ น่าเสียดายที่ไม่สามารถลดอัตราการDiscardให้น้อยลงไปกว่า 50% ได้ทำให้การใช้มีความเสี่ยงที่จะเสียการ์ด Magic Sword ในมือไปทั้งหมด การทำงานของการ์ดใบนี้คล้ายกับ Divne Form ของ Cleric การทำดาเมจและสถานะBleedingจะอิงตามRankการ์ด Magic Sword ทั้งหมดในมือ แต่ไม่ได้ผลของรูน และmaster spirited

Bladeward 1 ใบ ติดรูน Power Rune ห้ามทำMaster Lightweight เด็ดขาด
การ์ดป้องกันตัวเองที่ปั้มเกราะให้เยอะมาก เกราะหนาตายยาก
การ์ดใบนี้โอกาสDiscard สามารถลดน้อยลงไปได้ด้วยการที่เรามี dex mod ที่มากขึ้น และ rank skill ที่สูงขึ้น ในทุกๆ 1 dex mod จะเพิ่ม 2 % นั่นหมายความว่า มีโอกาสที่จะทำให้สกิลนี้ไม่ต้อง Discard ทิ้งออกไปเลย

Double cast หรือ Triple cast หรือผสมกัน 2 ใบ รูนที่แนะนำคือ Focus
ก็อปกี้การ์ดที่ติด tag Spell ใส่เพื่อเอาไว้ใช้ในการเสกการ์ด Blizzard และ Magic Sword

***ข้อควรระวัง*** การ์ดตระกูลConJure เช่นConJure Blades เป็นการ์ดมะเร็ง การใช้เป็นจะทำให้ Deck เสียเนื่องจากการ์ดที่เสกออกมาไม่ได้เป็นการ์ดประเภท Temp การ์ดที่เสกออกมาแล้วจะวนกลับเข้าไปใน deck ทำให้การ์ดมีจำนวนมากเกินไปจนการจั่วเริ่มเสียรูป

Talent และเสตตัส
สเตตัสหลัก Dex
Str 21 Int 21

Talent Str
T1 Raw Strenght - +4Str
T2 Short Fuse - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 50% แต่ลด max fury 1 การที่มี max fury 2 ก็เพียงพอแล้ว เพราะการทำดาเมจแรงๆหนักๆ จะอยู่ mana burn กับ Invoker Of Blades ส่วน Blizard เป็นdebuff ไม่ติดผลจาก Might Fury อยู่แล้ว
T3 Force of Nature - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 100%

Talent Dex
T1 Well Prepared - + 1 max card draw
T1 Quick Thinker - เพิ่ม Int mod ให้มากขึ้น เพราะ mana burn ใช้ int mod เว้นแต่จะติดรูนเปลี่ยนมาให้ใช้ dex mod แทน
T3 Deadly Precision - เอาไว้ + 1 max card draw แต่ต้องแลกกับการบริหารบัฟ agility ให้หมดทุกเทิร์นและเอา T3(int) Hubris ออกไป

Talent Int
T1 Curio Attunement - สำคัญหลักๆคือ +1 max card draw กับ 2 all resists
T1 Art of War - เร่งเกจ sp
T1 Intellectual - +4Int
T2 Snowwalker - ทำให้ดีบัฟ chill ติดศัตรูนานขึ้น 1 เทิร์น เท่ากับเราตัดดาเมจศัตรูได้ 20% หลังจากที่สถานะแสดงผลไปรอบหนึ่งแล้ว
T3 Hidden Reserves - +1 max card draw กับช่วยให้การ์ดติดสถานะ expend มีโอกาส 30% ที่จะได้กลับมาวนจั่วได้อีกรอบ
T3 Hubris - ได้ 2 channels ทุกเทิร์น แต่จะเสีย 1 channels แทนถ้า hp ไม่เต็ม ซึ่งโอกาส hp ไม่เต็มมีน้อยมาก

แนวทางการเล่น
การเคลื่อนไหว จะไม่ใช้ค่า Ap แต่ให้ใช้การ์ด Shift ที่เป็นการ์ด Synergy แทน
ในกรณีทำดาเมจอย่างเดียว
1. เริ่มเทิร์นมาให้ใช้ Double Cast ปั้มการ์ด Blizard ออกมา 2 ใบ และทำการใช้ เพื่อคอมโบคู่กับการ์ด Hearth of Winter และเพื่อปั้มสถานะ Might คอมโบกับแหวน Twinkle
2. ใช้ Invoker Of Blades หรือ จะปั้ม Channels นิดหน่อยก่อนใช้ก็ได้
3. ยิง mana burn
4. ใช้ Magic Sword ที่เหลือ ไล่ตอดศัตรูให้หมด
ในกรณี solo
1. เริ่มเทิร์นมาให้ใช้ Double Cast ปั้มการ์ด Blizard ออกมา 2 ใบ และทำการใช้ เพื่อคอมโบคู่กับการ์ด Hearth of Winter และเพื่อปั้มสถานะ Might คอมโบกับแหวน Twinkle
2. ปั้มค่า Channels ด้วยการ์ด Magic Sword ในกรณีต้องการบูสดาเมจ Mana burn โดยเน้นยิงตอดศัตรูให้ติด Chill ได้ตายพอดี และใช้การ์ด ที่ติดรูน Fury แล้วยิง Mana burn ออกไป ใส่ตัวที่ต้องการให้ตายไวๆตายแน่นอน
3. ปั้มเกราะด้วย Bladeward ถ้าเหลือ Magic Sword ก็ใช้ Invoker Of Blades และถ้า Magic Sword เหลืออีก ก็เอาไปยิงเล่นจนหมด

อุปกรณ์สำคัญ

Weapon

- Echo Rod



คทาที่แถมการ์ด Double cast ข้อดีคือได้การ์ด Double cast ให้กับสายอื่นที่ไม่ใช่ Spellbinder ใช้ได้ และมีประโยชน์มาก ข้อดีสำหรับ Spellbinder คือการที่ทำให้การ์ดสามารถติดรูนได้ 2 ช่อง เท่ากับใส่คทา2มือ และสำหรับการสแปม Channels การใช้การ์ด Double cast 2 ใบ ติดรูน Focus ย่อมสามารถปั้มได้มากกว่าการ์ด Tripple cast 1 ใบ รวมไปถึงการติดรูนบัฟสถานะอื่นๆด้วย แต่ก็แลกมาด้วยพื้นที่ของการ์ดในDeckที่มากกว่า ข้อควรระวังคือ การ์ดจะก็อปปี้ได้เฉพาะการ์ดติด Tag Spell เท่านั้น

Off-Hand

- Baroque Hourglass

ใส่รูน Void ต้องการฝช้แค่เอฟเฟคของไอเทมเท่านั้น ช่วยสแปม channel ทุกเทิร์นถ้าอัพ talent และใส่สร้อย Seraphic Engram จะช่วยให้ทุกทิร์นได้ 4 channel แต่ถ้าใส่สร้อย Sorcerer's Apparatus ก็จะได้เทิร์นละ 5 channel แทน

- Unstable Warpstone

ประโยชน์หลักคือการป้องกันดาเมจจากการเหลือ Channel ไว้ตอนจบเทิร์น และอาศัยดวงในการหลบดาเมจ โดยการ Blink หนีเวลาถูกโจมตี แน่นอนเราก็มีโอกาสที่จะ Blink ไปแล้วเพิ่มโอกาสในการโดนดาเมจมากกว่าเดิม

Amulet

- Sorcerer's Apparatus



สร้อยที่ดีที่สุดหรับการปั้ม Channels ช่วยให้ได้รับ Channels เพิ่มมากขึ้น โดยการได้รับเพิ่มคิดเพิ่มแยกจากการ์ด รูน และอุปกรณ์ เช่น การใช้การ์ดเพิ่มchannelและติดรูนFocusและการใช้การ์ดใบนั้นจะทำให้อุปกรณ์อื่นเพิ่มFocusให้อีก จะเท่ากับว่าสร้อยทำงานทั้ง 3 ครั้ง จากการ์ด รูน และอุปกรณ์ เป็นการเพิ่ม3 channels ทันที และการ์ดที่แถมมากับสร้อยถ้าติดรูน Focus จะกลายเป็นการใช้ที่เพิ่ม 1Ap 1Channel แทน

- Dream Charm



ใส่ในกรณีที่ต้องการเพิ่ม max draw แลกมากับการที่ต้องบริหารค่า int ที่มากขึ้น และใส่รูน viod เพราะไม่ต้องการใช้งานการ์ดที่ติดมากับสร้อย

Ring

- Frostcoil และ Twinkle


แหวนทั้ง 2 วงเป็นแหวนที่ใช้คอมโบคู่กันได้ โดยการทำงานของแหวน Frostcoil เอฟเฟคจะทำงานก็ต่อเมื่อใช้การ์ดโจมตีทำดาเมจใส่ศัตรู โดยการ์ด ไม่จำกัดว่าจะเป็น spell Atk หรือ Malee ขอแค่เลขดาเมจขึ้น ก็จะมีโอกาสทำให้ศัตรูติดสถานะ chill พอศัตรูติดสถานะเอฟเฟคของแหวน Twinkle ก็จะทำงาน ทำให้เราได้บัฟสถานะ Might ขึ้นมาฟรีๆ เป็นชุดคอมโบแหวน ที่เหมาะกับสายที่โจมตีแบบ multi hit นอกจากนี้แหวน Twinkle ยังซัพพอร์ตสถานะอื่นๆด้วยเหมาะสำหรับสายธาตุ ในช่วง Early Access แหวน Twinkle ยังคอมโบกับสถานะ Burn โดยใส่คู่กับ Eldrithch Grimoire โดยเมื่อได้สถานะ Guard ก็จะได้ 1 channel และได้ channel เพิ่มอีก1 จากสร้อย Sorcerer's Apparatus ทำให้ปั้มได้อย่างไม่จำกัด ปัจจุบัน Eldrithch Grimoire ถูกจำกัดให้มีผลแค่ครั้งเดียวต่อเทิร์นจึงไม่คุ้มค่าที่จะใช้นัก
แหวน Twinkle พยายามรีเอฟเฟคให้ได้ Might 2 จะดีมากที่สุด
ข้อควรระวัง สถานะ chill กับ burn จะหักล้างกันเอง กล่าวคือ ถ้าศัตรูติดสถานะใดสถานะหนึ่งไม่ว่าจะสเตคสะสมไว้แรงขนาดไหน ถ้าติดอีกสถานะหนึ่งสถานะเดิมและสแตคสะสมทั้งหมดจะหายไปถูกแทนที่ด้วยสถานะใหม่ เช่น ติด chill สะสมดาเมจได้ 500 ต่อมายิงสถานะ burn ดาเมจ 5 ใส่จะสถานะ chill ก็จะหายไป ถูกแทนที่ด้วยสถานะburn5 แทน

Belt

- Arcane Sheathe



เป็นอุปกรณ์บังคับใส่ ที่จะทำให้ magic sword ไม่มีค่า cost ทำให้ประหยัด AP เพื่อเพิ่มความแรงให้ mana burn ได้ ที่สำคัญคือการที่จะฮีลตัวเองทุกครั้งที่ใช้ Magic Sword การใช้งานตามเอฟเฟคอุปกรณ์รวมไปถึงการDiscard จากการใช้การ์ด Invoker Of Blades ด้วย โดยนับการฮีลตามจำนวนการ์ด magic sword
Cleric สาย Holy Mage (Holy Bolt) และแบบHybridlสำหรับsolo
ตอนเริ่มให้เลือกสาย Reverend เพราะ มาคู่กับการ์ด ปั้ม Channels การ์ดต้นเกมของ Reverend ทำให้ช่วงต้นเกมสามารถแทนที่การ์ด Smite ด้วย Holy Bolt ได้และสามารถค่อยๆปรับDeck ไปสายดาเมจหรือHybridได้ง่ายกว่า

การ์ดทั้งหมด 11-13ใบ จำนวนการจั่วที่แนะนำคือ 11-12 ใบ จำนวนการจั่วต้องเท่ากับจำนวนการ์ดพอดี

เวอร์ชัน เน้นทำดาเมจ
Holy Bolt 2 ใบ master Status Focus ใส่รูน Fury + Focus
นอกจากเป็นการ์ดดาเมจหลักแล้ว ยังเอาไว้ปั้มเกจ Sp เพราะการ์ดในนี้ทแทบทั้งหมดใช้ Sp เพราะเป็นการ์ดcost3 ทำให้ใช้แต่ละครั้งก็ได้เกจ sp เป็นจำนวนมาก และคอมโบคู่กับหมวก Twisted Gaze ได้เนื่องจากเป็นการ์ดที่ติดtag Debuff ด้วย ทำให้ปั้มเกจ sp ได้มากยิ่งขึ้น

Celestial Wrath 3 ใบ Master Empowered
สุดยอดการ์ดทำดาเมจ ที่เป็นการ์ด mana burn เวอร์ชันดาวเกรด ใช้ยิงสลับกับ Holy bolt

Divine Form 3 ใบ
เป็นการ์ดดาเมจหลัก ที่จะทำการ recast การ์ด Spell ที่ติด tag Holy ทั้งหมดที่เราร่ายในเทิร์นี้
การ Recast ของการ์ดใบนี้จะเป็นการ recast จากการ์ดต้นฉบับของการ์ดที่ร่ายไปทั้งหมด รูนที่ติดจึงไม่มีผล และ การ์ดที่Master Empowered ตอนrecastยังคงมีผลอยู่แต่จะไม่ใช้channelsในตัวออกไป และจำนวนการใช้spellไม่นับการ์ดจากการ recast ของการ์ด Divine Form เช่นเรายิง Holy Bolt 6 ใบ + Celestial Wrath 3 ใบ การ์ด Divine Form ทุกใบก็จะรี cast แค่ 9 ใบนี้เท่านั้น ถ้ามีที่ใส่รูนเหลือพอสำหรับการ์ดใบนี้ให้ใส่รูน Fury 1 ใบ
การ์ด Spell ที่ติด Tag Holy มีเพียง 3 ใบ คือ Debilutating Bolt, Holy bolt และ Celestial Wrath สาเหตุที่ไม่ใส่ Debilutating Bolt เพราะ เป็นการ์ด Ap1 ดาเมจเบา ไม่สามารถใช้Channel ได้ เทียนกับ Holy Bolt แล้วต่างกันมากในแง่ของความคุ้มค่า ที่เราสามารถปั้มค่า Channels ได้ไม่ยาก

Double Cast 4 ใบ ใส่รูน Focus
เป็นการ์ดที่ได้จากการใส่คทา Echo Rod 2 อันและใส่รูน mirror ทั้ง 2 อัน เอาไว้เสกการ์ด Holy Bolt ลดค่า cost ปั้ม Channel และปั้มเกจ Sp ทำให้สามารถใช้ Holy Bolt ที่มีค่า cost เหลือแค่ 1 ได้

เวอร์ชั่น Hybrid ยืนsolo

Holy Bolt 1 ใบ master Status Focus ใส่รูน Fury+Focus


Celestial Wrath 1 ใบ Master Empowered


Divine Form 2 ใบ


Answered Faith 1 ใบ master อะไรก็ได้ แต่แนะนำ Additional Reveal
เอาไว้ฮีลยามจำเป็น แต่หลักๆแล้วเอาไว้ให้ Divine Shield ทิ้งเพื่อปั้มเกราะ ข้อดีคือ ตัวการ์ดเป็นการ์ดฮีลระกับEpic หลังจากใช้ไปแล้ว ก็จะเสกการ์ดฮีลมาให้เลือกเสกออกมาอีก 1 ใบ ทำให้หลังจากฮีลไปแล้ว ยังสามารถใช้การ์ดที่เสกออกมากับ Divine Shield ได้ เป็นการ์ดฮีลที่ดีที่สุดแล้ว

Divine Shield 1 ใบ
การ์ดป้องกัน Solid Defense เวอร์ชั่นดาวน์เกรด

Shield Block 1 ใบ
เอาไว้บัฟสถานะ Armor เพื่อเพิ่มความทนทานของสถานะ Guard

Armor Of Faith 1 ใบ
เอาไว้บัฟสถานะ Avert เวลาที่เกราะ กันได้ไม่ไหว โดยจะไม่ใช้การ์ดใบนี้ตรงๆ จะใช้ผ่าน Double Cast เนื่องจากการ์ดมีสถานะ Expend

Double Cast 4 ใบ ใส่รูน Focus
หลักๆแล้วเอาไว้copy การ์ด Holy Bolt 3 ใบ และ Armor Of Faith 1 ใบ เนื่องจากต้องเหลือ 1 Ap ไว้กดใช้ Divine Shield และ Shield Block

เปลี่ยนมาเป็นสายฮีล
จะเรียกว่าสายฮีลก็ไม่เชิงนัก เพราะหน้าที่หลักๆจะเป็นการใช้ Armor Of Faith เพื่อปั้ม Avert ให้ตี้มากกว่า การบัฟ Might เป็นหน้าที่รองลงมา ส่วนการฮีลมีไว้เพื่อบัฟ might มากกว่า

Holy Bolt 3 ใบ master Status Focus
เอาไว้ปั้มเกจ Sp เพราะการ์ดในนี้ทแทบทั้งหมดใช้ Sp เพราะเป็นการ์ดcost3 ทำให้ใช้แต่ละครั้งก็ได้เกจ sp เป็นจำนวนมาก และคอมโบคู่กับหมวก Twisted Gaze ได้เนื่องจากเป็นการ์ดที่ติดtag Debuff ด้วย ทำให้ปั้มเกจ sp ได้มากยิ่งขึ้น

Answered Faith 2 ใบ master อะไรก็ได้ แต่แนะนำ Additional Reveal
สุดยอดการฮีล ที่ดีที่สุด การ์ดฮีลที่เสกออกมาก็มีค่า cost 0

Divine Shield 1 ใบ
ไว้ปั้มเกราะใส่ตัวเอง ก่อนจบเทิร์นเพื่อป้องกันสถานะผิดปกติบางประเภท

Armor Of Faith 1 ใบ
สุดยอดการ์ดป้องกันที่จะทำให้ทั้งตี้เป็นอมตะ ด้วยสถานะ Avert ตราบเท่าที่ไม่โดนDisple และไม่โดนตีหลายทีเกินไปจนบัฟหมด เพราะ Avert เป็นจำนวนครั้ง เช่นมี เราไม่มีGuard และ Avert2 แต่ศัตรูใช้การโจมตีแบบ Multi hit 3 ที เราก็จะกันได้แค่ 2 ที ถ้ากรณีมีGuard สถานะนี้จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อทำดาเมจใส่Hpได้หรือก็คือGurardหายไปแล้ว และถ้าใช้สถานะไม่หมดสถานะจะคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะจบBattle ไม่หายไประหว่างเทิร์น

Spiritual Strenght 1 ใบ master Doctrine ติดรูน memory (ทำให้ไม่ต้องนับการจั่วของการ์ด)
เป็น Passive ไว้ปั้ม might ให้เพื่อนในตี้ และช่วยเรื่อง Sp ในแต่ละเทิร์น

Spirittaul Precision 1 ใบ master Doctrine ติดรูน memory (ทำให้ไม่ต้องนับการจั่วของการ์ด)
เป็น Passive ไว้ปั้ม Cri ให้เพื่อนในตี้ และช่วยเรื่อง Sp ในแต่ละเทิร์น

Double Cast 4 ใบ รูน Focus
สุดยอดการ์ดหากินที่เป็นคอมโบคู่กับการ์ดspell ที่มีสถานะExpend ทำให้ใช้การ์ดได้อย่างวางใจ และติดรูน Focus เอาไว้เพื่อปั้ม channels ให้การ์ด Holy Bolt สามารถยิงได้ เพื่อสะสมเกจ Sp

Deliverance 1 ใบ รูน Recall
การ์ด ชุบชีวิต ที่เราได้จากการใส่แหวน ไม่แนะนำให้ใช้ skill point ไปกดมาใส่ เพราะยังไงก็ต้องใส่แหวนชุบอยู่แล้ว ใช้ผ่านการ์ด Double cast

รูนของสาย Heal หลักคือ Spirit Rune เพื่อปั้มค่า Sp ให้เพียงพอต่อการใช้

Talent และเสตตัส
สเตตัสหลัก Int
Str 21 Dex 14 - 25

Talent Str
T1 Raw Strenght - +4Str
T2 Short Fuse - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 100% แต่ลด max fury ลง 1 เท่ากับตัวเราจะสเตคสถานะ fury ได้แค่ 2
T3 Force of Nature - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 100%
**ในกรณีที่อัพ T2+T3 แล้ว เอฟเฟค Might จะบูสดาเมจได้ 75 %**

Talent Dex
T1 Well Prepared - + 1 max card draw

Talent Int
T1 Curio Attunement - สำคัญหลักๆคือ +1 max card draw กับ 2 all resists
T1 Art of War - เร่งเกจ sp
T3 Hidden Reserves - +1 max card draw กับช่วยให้การ์ดติดสถานะ expend มีโอกาส 30% ที่จะได้กลับมาวนจั่วได้อีกรอบ
T3 Hubris - ได้ 2 channels ทุกเทิร์น แต่จะเสีย 1 channels แทนถ้า hp ไม่เต็ม ซึ่งโอกาส hp ไม่เต็มมีน้อยมาก

แนวทางการเล่น
การทำดาเมจก็ไม่ยากค่ะ ถ้าเริ่มเทิร์นมาเรามีค่า Sp และ Chanels ที่สูงกดใช้ Double cast ไป channels ก็ล้นให้เริ่มด้วยการยิง Celestial Wrath ออกไปก่อนเลย
ใช้ Double cast ก็อปการ์ด Holy Bolt และใช้การ์ด Holy Bolt ที่ก็อปออกมายิงใส่ศัตรู สะสม และสลับด้วย Celestial Wrath ทำวนกันอย่างนี้ ในกรณีที่เรามีสร้อย Sorcerer's Apparatus จะทำให้การ์ด Double cast และ holy bolt ที่ติดรูน Focus ทำ channels ได้ 4 ใช้ออกไปก็เหลือ 2 และการได้รับ Sp มาก็ต้องใช้ออกไปเพื่อบริการใช้ให้สุดท้ายแล้วเหลือ 3 sp ในการใช้ Divine Form 3 ใบ
สำหรับโหมดป้องกัน ใช้ Double cast ก็อป Armor Of Faith และใช้ใบที่ก็อปมา การสะสม Sp ก็มาจาก Double cast + Holy Bolt และปั้มGuard ด้วย Divine Shield ป้องการใช้สถานะAverd เสียเปล่า ตอนทำดาเมจ ให้เคลียพวกมีสถานะ Thron ก่อน เราจะกันหนามทิ่มได้ด้วย Guard ไม่อย่างงั้นจะเป็นการใช้ Averd กันหนามทิ่มแทน ซึ่งไม่คุ้มเอามากๆ

อุปกรณ์สำคัญ

Weapon

- Echo Rod


เป็นคีย์ไอเทมของทุกสายในนี้ อธิบายไปแล้วในหน้า Spellbinder ใส่รูน Focus+Mirror ถ้าเป็นไปได้ควรคทานี้ทั้ง 2 มือ

Off-Hand ในกรณีไม่ได้ใส่ Echo Rod 2มือ หรือไม่อยากใส่

- Baroque Hourglass
- Unstable Warpstone
อธิบายหน้า Spellbinder

Headgear

- Twisted Gaze


เนื่องจาก Holy Bolt เป็นการ์ดติด tag Debuff ทำให้เราสามารถปั้มค่า sp ได้ครั้งหนึ่งเป็นจำนวนมากอาจจะเกิน 2 sp ต่อครั้ง และหมวกยังเพิ่มrank ให้การ์ด Holy Bolt อีก 1 Rank ด้วย จัดว่าเป็นไอเทมสำคัญมากที่สุดที่จำเป็นต้องมี เท่ากันกับ Sorcerer's Apparatus และ Echo rod

Amulet

- Sorcerer's Apparatus



อธิบายไว้แล้วในหน้า Spellbinder ถ้าต้องการ์ดใช้การ์ดต้องใส่รูนFocus

- Seraphic Engram



กรณีไม่มี Sorcerer's Apparatus ก็สามารถใส่สร้อยเส้นนี้แทนชั่วคราวได้ แก้ปัญหาเรื่อง Channel ได้ระดับหนึ่ง การลด 1 max channel ไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าในตี้ไม่มี Bard ปกติก็ยากมากอยู่แล้วที่จะปั้ม Channel จำนวนมหาศาลได้

Ring

- Frostcoil และ Twinkle

คู่คอมโบแหวนนี้อธิบายไว้ใน Spellbinder แล้วสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ ซึ่งเราก็ไม่หวังสถานะ Burn จาก Celestial Wrath อยู่แล้วเนื่องจากก็ไม่ได้แรงอะไรและค่าสถานะก็ถูกFixเอาไว้ มีไม่ก็ไม่ต่างกัน เหมือนของแถมเพื่อเอฟเฟคจากแหวน Twinkle มากกว่า

- Breath of Life



ไม่มีอะไรมากไปกว่า แหวนชุบแถมการ์ดชุบ ติดรูน Recall ถ้าไม่ได้เล่นสายฮีล หรือต้องการใช้การ์ดชุบ แหวนวงนี้ก็ไม่สำคัญค่ะ
Scoundrel สาย ปามีด
เป็นสายที่เล่นง่ายทำการ์ดง่าย เคลียศัตรูกลุมได้ดีมากค่ะ สามารถจบได้ในเทิร์นเดียว แต่แลกมากับการที่สายนี้ไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเองเลย

การ์ดทั้งหมด 15 ใบ จำนวนการจั่วที่แนะนำคือ 12 ใบ จำนวนการจั่วต้องเท่ากับจำนวนการ์ดพอดี

Trowing Dagger 10-11 ใบ Master Spirited (ใส่เท่ากับจำนวนจั่วที่เหลือจนนับได้ครบพอดีเท่าจำนวนจั่วที่เรามี) รูน Fury
เป็นการ์ดที่เอาไว้ปั้ม Agility และค่า Sp เพื่อวนการจั่ว

Fan Of Knives 1-2 ใบ Master Impulse รูน Fury
เป็นการ์ดทำดาเมจหากิน ยิ่งเรามี Trowing Dagger ในมือมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำดาเมจได้ดีมากเท่านั้น ที่ Master Impulse ก็เพื่อให้การ์ด Fan Of Knives ที่ใช้ใบแรกและการจั่ววนกลับขึ้นมือไม่เสียค่า cost
ในกรณีที่เริ่มเกมด้วยการมี 2 agility และมีบัฟเสริมดาเมจเช่นคริ การมี Fan Of Knives 2 ใบจะทำดาเมจได้ดีกว่า โดยการเปิดดาเมจด้วย Fan Of Knives ทำให้บัฟดาเมจไม่ถูกใช้ไปกับการเปิดด้วย Trowing Dagger

Dagger Proficiency 1 ใบ รูน Memory
เป็น Passive ที่ช่วย ให้เรามี Ap เหลือกินเหลือใช้ปาได้ต่อเนื่อง โดยฟื้น 1 Ap ทุกการใช้ 2 Trowing Dagger เท่ากับว่า ถ้ามี 6 Ap เราจะใช้การ์ด Trowing Dagger ได้ทั้งหมด 12 ใบ เท่ากับการวนหลูบ Fan Of Knives ได้ มากกว่า 12 ครั้ง

Deadly Gyre 1 ใบ รูน Memory
เป็น Passive เอาไว้ปั้ม Fan Of Knives ที่มีค่า cost 0 โดยให้เราใช้ Trowing Dagger แล้วตามด้วย Fan Of Knives เพื่อเสกการ์ด Fan Of Knives ออกมาใช้ ทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ
ข้อควรระวังเนื่องจากเป็น passive การนับการ์ดจะนับต่อกันทุกเทิร์น เช่นเทิร์นแรก การ์ดใบสุดท้ายที่ใช้คือ Fan Of Knives (แล้วไม่เกิดเอฟเฟคก็อปการ์ดมาให้ใช้ต่อ) เทิร์นต่อไป การ์ดที่จะใช้ใบต่อไปจะนับเป็นการ์ดใบที่ 2 หรือก็คือการ์ดที่จะเสก temp ออกมาถ้าใช้ Fan Of Knives ก็จะเสกtemp การ์ด Fan Of Knives ออกมา ฉะนั้นในแต่ละเทิร์นต้องมีสติสังเกตการ์ดที่เสกtempออกมาด้วย ถ้าไม่แน่ใจก็ปา Trowing Dagger เพื่อเช็คการ์ดได้ว่าเกิดเอฟเฟคเสกtempหรือไม่

Evasive 1 ใบ รูน Memory
เป็น Passive ที่ช่วยปั้มค่า agility ในต้นเกม จะเอาออกก็ได้ ถ้าเริ่ม battle แล้วเรามีAgility 2 ได้เพื่อให้ Fan Of Knives ไม่เสียค่า cost

การ์ดทางเลือก สำหรับการปรับแต่ง
- Stab ปั้มค่าคริคู่กับ passive ของดาบ Sable's Needle และปั้มดีบัฟและบัฟจากแหวนได้ โดยเฉพาะบัฟทีเดียวบัฟmightเฟ้อใช้ไม่หมดแน่นอน โดยใช้ช่วงจะใช้ Fan Of Knives ปิดเกมหรือจบเทิร์น เนื่องจาก Stab จะทำดาเมจได้หลายhit มาก
- Dual Wield การก็อป ของการ์ดใบนี้กรณีที่ก็อปการ์ด Temp จาก Deadly Gyre การ์ดที่ก็อปมาจะไม่ติดผลเรื่องการลดค่า ap ในการใช้จาก passive Deadly Gyre ไปด้วย
- Tricks of the Trade จั่วแถมคริ ติดรูนmemory ช่วยเพิ่มดาเมจได้นิดหน่อย จะเสียช่องรูนให้ใบนี้หรือ จะติดรูน Fury ให้การ์ดโจมตี ก็เลือกได้ ถ้าการ์ด Trowing Dagger มีไม่มากพอและจำนวนการจั่วเหลือ ใส่แบบไม่ติดรูนก็ช่วยเรื่องดาเมจได้เช่นกัน

Talent และเสตตัส
สเตตัสหลัก Dex
Str 21 Int 17
Talent Str
T1 Raw Strenght - +4Str
T2 Short Fuse - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 50% แต่ลด max fury 1
T2 Savage Strikes - ดีบัฟ Bleed ใส่ศัตรูความแรง 50 % ของ Str mod
T3 Force of Nature - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 100%

Talent Dex
T1 Well Prepared - + 1 max card draw

Talent Int
T1 Intellectual - +4Int
T1 Curio Attunement - สำคัญหลักๆคือ +1 max card draw กับ 2 all resists
T1 Art of War - เร่งเกจ sp
T3 Hidden Reserves - เพื่อ +1 max card draw จำนวนจั่วยิ่งมากยิ่งใส่การ์ดได้เยอะ ยิ่งสแปมดาเมจได้มากขึ้น

แนวทางการเล่น
1. เปิดด้วยการ์ด Trowing Dagger
2. ใช้การ์ด Improvise (cost 2 sp) ที่เป็นการ์ด Synergy เพื่อทำการจั่วการ์ดกลับขึ้นมือ
3. ตามด้วย Fan Of Knives การ์ด Passive Deadly Gyre ก็จะทำงานทำให้เราจั่วมีการ์ด Fan Of Knives cost 0
4. วนหลูบด้วยการจั่ว ถ้าจั่วแล้วในมือมี Fan Of Knives ก็ใช้ Fan Of Knives โดยพยายามให้ Deadly Gyre ทำการCopy การ์ดFan Of Knives ออกมาใช้งาน
5. ทำวนไปเรื่อยๆจนการ์ดหมดมือ หรือมอนตายหมดสนาม

อุปกรณ์สำคัญ
Weapon

- Abracadaver



เป็นอาวุธหลักที่ช่วยให้สามารถปั้มค่า Agility ได้ดีขึ้น ถ้าrank อาวุธมากขึ้น โอกาสก็ยิ่งมากขึ้นไปด้วย (สามารถทำได้มากกว่า 15%) รูนหลักคือ Mirror และ Fury เพื่อให้สถานะ Fury มีผลกับ Fan Of Knives

- Sable's Needle



ในกรณีที่ ไม่อยากใส่Abracadaver 2 ข้าง การเลือก Sable's Needle ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกันในการเพิ่มดาเมจด้วยการ์ด Passive ที่แถมมากับตัวอาวุธ และด้วยการที่สายนี้เป็นสาย multi hit แบบ aoe การ์ด passive ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ ทำให้เพิ่มความแรงในแต่ละ hit ได้ ใส่รูน memory เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระในการจั่วการ์ด
ในระยะยาวการใส่ Sable's Needle ข้างนึงจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า Abracadaver ในแง่ของการทำดาเมจ แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขที่ทำการ์ด Trowing Dagger rank 4 master ได้มากพอ
passive ของอาวุธ ยังสามารถคอมโบกับการ์ด Stab เพื่อสแปมค่าคริได้อีกด้วย เช่น passive เพิ่มคริ 5 ต่อการทำดาเมจใส่ศัตรูแต่ละตัว hit ละ 5 ถ้า stab ทำดาเมจรัวติดต่อกัน 12 ครั้ง ก็จะปั้มค่าคริได้ 60 ไว้ทำดาเมจปิดท้ายได้

Glove

- Dusk Deceivers



สุดยอดถุงมือสำหรับการจั่วที่ + 1 amx draw และ 1 Ap แถมพ่วงด้วยการ์ดจั่ว ที่ปั้มสถานะ agility ให้อีก 3 ข้อเสียเดียวคือการ์ดติด Limited แต่ก็เป็นการ์ดสำหรับเริ่มเกมที่ดีที่จะใช้ในการจั่วแรกของเทิร์นเพื่อจั่ว Trowing Dagger กลับขึ้นมือ พร้อมทำให้ Fan Of Knives ไม่เสียค่า cost

Ring

- Frostcoil และ Twinkle

คู่คอมโบแหวนนี้อธิบายไว้ใน Spellbinder แล้วสามารถย้อนกลับไปอ่านได้
Druid สาย Thunder Barrage รีใหม่ / สาย Thunderbolt
ต้นฉบับของสายนี้ได้จากไกด์นี้ค่ะ (ตามไกด์นี้บิ้วบึ๊มแล้วนะคะ)
https://gtm.steamproxy.vip/sharedfiles/filedetails/?id=2512458598

*****แต่ ปัจจุบัน ไม่สามารถเล่นตามนี้ได้แล้วเราจึงเอามาปัดฝุ่นใหม่ให้เล่นได้ในแพตปัจจุบัน จะต้องใช้ของเฉพาะมากขึ้น*****

การ์ดทั้งหมด 9-10 ใบ จำนวนการจั่วที่แนะนำคือ 9-10 ใบ จำนวนการจั่วต้องเท่ากับจำนวนการ์ดพอดี

- Thunder Barrage 4-5 ใบ
การ์ด ได้จากอาวุธ และจากการตัวละคร การ์ดที่ได้จากตัวละครจะสามารถท Master ได้ 2 อย่างคือเพิ่ม 1 hit กับ สถานะ Potent ถ้าทำmaster เพิ่ม hit จะต้องเอาการ์ดใส่รูน Potent เสมอ เพราะสถานะ Shock จะไม่สามารถดีบัฟใส่ศัตรูที่มี Guard ได้

- Split Lightning อย่างน้อย 1 ใบ
ได้จากการใส่เกราะ Zephyr เอาไว้ใช้ในการ Trigger สถานะ และทำให้เกิดการกระจายสถานะไปยังตัวอื่น ทำให้การทำดาเมจมีประสิทธิภาพมาขึ้น

- Natural State 2 ใบ Master remove Limited

การจั่ว ปั้ม channels และฮีลตัวเอง

- Thunderbolt 1 ใบ Master Piercing

การ์ด Thunder Barrage เป็นการ์ดที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เพราะเป็นการโจมตีแบบสุ่ม มีประโยชน์ในสถานการณ์ที่ศัตรูมีจำนวนมาก แต่ถ้าศัตรูมีจำนวนน้อย การยิงแบบเล็งเป้าจะมีประโยชน์มากกว่า ซึ่งการ์ด Thunderbolt ก็เอาไว้ใช้การยิงตัวละเดียว และต้องการเพิ่มสแตคความแรงของ Shock ให้ 1 เป้าหมายก่อนจะกระจายด้วย Split Lightning ไปยังเป้าหมายอื่นๆได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความแน่นอนในการทำดาเมจของสายนี้

- Wall of Thorns 1 ใบ Master Spirited

การ์ดป้องกันเพียงหนึ่งเดียวใช้คอมโบคู่กับ Natural State

- Barkskin 1 ใบ Master Lightweight (ลดภาระการจั่วไม่นับ)

เพิ่มความทนทานของGuard

สาย สาย Thunderbolt 5-8 ใบ

- Split Lightning อย่างน้อย 1 ใบ
- Natural State 2-3 ใบ Master remove Limited
- Thunderbolt 1-3 ใบ Master Piercing
- Wall of Thorns 1 ใบ Master Spirited
- Barkskin 1 ใบ Master Lightweight (ลดภาระการจั่วไม่นับ)

Talent และเสตตัส
สเตตัสหลัก Int
Str14-21 Dex16

Talent Str
T1 Raw Strenght - +4Str
T2 Short Fuse - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 50% แต่ลด max fury 1 การที่มี max fury 2 ก็เพียงพอแล้ว เพราะการทำดาเมจหนักๆจะอยู่ที่การ์ด Spilit Lightning
T3 Force of Nature - เพิ่มความแรงเอฟเฟค Might 100% เลือกTalent นี้หรือ T3(int) Hidden Reserves

Talent Dex
T1 Well Prepared - + 1 max card draw
T2 Grounded - มีโอกาส 15% เพิ่มความแรงสถานะ Shock ใน hit นั้นอีก 30%

Talent Int
T1 Curio Attunement - สำคัญหลักๆคือ +1 max card draw กับ 2 all resists
T1 Art of War - เร่งเกจ sp
T3 Hidden Reserves - +1 max card draw กับช่วยให้การ์ดติดสถานะ expend มีโอกาส 30% ที่จะได้กลับมาวนจั่วได้อีกรอบ ถ้าค่าการจั่วมีพอแล้ว Talentนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นอีก
T3 Savant - เพิ่มความแรงสถานะ shock
T3 Innate Power - มีโอกสว 15 % ที่จะทำให้ดีบัฟ Shock ใน hit นั้น แรงขึ้น 2 เท่า

แนวทางการเล่น

จากไกด์ต้นฉบับเดิมจะเห็นว่าตัวการ์ด Thunder Barrge มีออฟชั่นที่ดีกว่าตอนนี้มาก และข้อจำกัดของการใช้งานก็ดีกว่า ปัจจุบันการเล่นบิ้วนี้จึงต้องปรับ อุปกรณ์การใส่และเพิ่มการ์ดเพื่อให้บิ้วนี้ยังสามารถเล่นได้ แต่ความสามารถก็ตกลงไปเล็กน้อย
การ Solo ควรเริ่มที่การป้องกันตัวเอง ด้วยการใช้ Wall of Thorns และตามด้วย Natural State เพื่อจั่ว Wall of Thorns กลับขึ้นมือ และทำการใช้ Wall of Thorns อีกครั้ง (ถ้าต้องการเกราะหนาๆ ก็ให้วนใช้ Wall of Thorns ต่อไป) และตามด้วย Barkskin เพื่อเพิ่มความทนทานให้สถานะ Guard อีกทีหนึ่ง ที่ต้องเริ่มแบบนี้ก็เพื่อการันตีการจั่ว Wall of Thorns
การทำดาเมจ ก็เหมือนกับไกด์ต้นฉบับคือ เปิดด้วย Thunder Barrage วนไป ตามด้วย Thunder bolt ใส่เป้าหมายที่เราต้องการจะยิง Split Lightning ใส่ และปิดด้วย Split Lightning ใส่เป้าหมายนั้น
ในกรณีที่ทำดาเมจอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องมีการป้องกัน ก็ให้เริ่มด้วยการวน Thunder bolt ใส่เป้าหมายที่เราต้องการจะยิง Split Lightning ใส่ ด้วย Thunder bolt สลับ Natural State และตามด้วย Thunder Barrage ตามด้วย Split Lightning ปิดงาน
เอาจริงๆ บิ้วนี้ก็ปรับให้เหลือแค่ Thunderbolt หลายใบแทน Thunder Barrage ก็ได้ข้อสำคัญคือ เสื้อ และ แหวน ที่ต้องมีเพื่อการAoe แต่แลกด้วยการ Aoe ทั้งสนามไม่สู้สาย Thunder Barrage แต่ข้อดีคือ มีความแน่นอนในการทำดาเมจ และการวนการ์ดด้วย channels + Sp ทำให้สะสมสแตคสายฟ้าในเป้าหมายเดี่ยวได้ดี

อุปกรณ์สำคัญ

ในสายนี้จะมีอุปกรณ์บังคับใส่อยู่ 2 ชิ้นด้วยกัน

Weapon

- Una's Wrath



อุปกรณ์บังคับใส่ สำหรับสาย Thunder Barrage ออฟชันสำคัญคือการจำนวน hit ของ Thunder Barrage ฉะนั้นออฟชันจะต้องพยายามรีการเพิ่มจำนวนhit ให้ได้ 2 ส่วน spell damage ไม่มีผลอะไรกับการ์ด Debuff รูนที่ต้องใส่คือ Potent และ Fury

- Sky Splinter



การ์ด Thunderbolt เป็นการ์ด Epic สำหรับสาย Thunderbolt การใส่ Sky Splinter จะช่วยในเรื่องของความง่ายในการเล่นช่วงต้นเกม ทำให้ต้นเกมหันมาสร้างการ์ด Force of Nature ได้อย่างสบายใจ แนะนำรูน Potent เพื่อเจาะเกราะ 1 ช่อง

Armor

- Zephyr



อุปกรณ์บังคับใส่ชิ้นที่ 1 มีความสำคัญกว่าอาวุธ และต้องใส่คู่กับแหวน Strom Signet เท่านั้น ความสำคัญของเกราะคือการได้การ์ด Split Lightning เพื่อทำให้สถานะ Shock เกิดการ Trigger แต่คุณสมบัติการกระจายสถานะ เงื่อนไขของการ Discharge จะต้องมี Static Field หรือพื้นที่สายฟ้าในสนามต่อสู้ ซึ่งบางสนามก็มีบางสนามก็ไม่มี การจะทำให้เกิดการการันตี Discharge จำเป็นต้องอาศัยแหวน Strom Signet ที่จะเสก Static Field 1 ช่องในทุกเทิร์น

Amulet

- Thundercord



Ring

- Strom Signet



อุปกรณ์บังคับใส่ชิ้นที่ 2 ต้องหาใส่ให้ได้ เสก Static Field 1 ช่องในทุกเทิร์น ใช้คอมโบการ์ด Split Lightning

- Covenant Of Power



เป็นอุปกรณ์ทางเลือกสำหรับบัฟค่า might ทุกเทิร์น ใส่รูนmemory

- Triumvirate



อีกหนึ่งแหวนทางเลือก เพื่อเพิ่มความแรงของสถานะ shock ขึ้นมาอีกนิดหน่อย
3 Comments
GFate  [author] 20 Dec, 2022 @ 7:33pm 
@ppeepemm ไปนอนที่โรงแรม จุดมอนมันก็รีเองค่ะ แค่นั้นง่ายๆ เล่นแบบไม่รีบก็เวลให้ตันตาม level cap ของแต่ละ act ค่ะ จัดทีมดีๆให้สมดุล แค่นี้ก็เคลียจนไปเล่นคอนเทน end game ได้แล้ว
ppeepeemm 13 Dec, 2022 @ 1:45am 
ฟาร์มของกับเงินยังไงอะครับ act หลังๆ ตามเวลมอนไม่ทันแล้ว
trucy 7 Sep, 2022 @ 1:41am 
ขอบคุณแนวทางการเล่นแล้วก็การอธิบายอย่างละเอียดด้วยครับ ซื้อเกมไว้นานแล้วลองกลับมาเล่นใหม่แล้วไม่เหมือนเดิม เล่นยากขึ้นพอสมควรแต่ว่าได้ลองลูกเล่นใหม่ๆเยอะดีครับ