1.ปรับท่านั่งให้ตรง การปรับท่าทางของร่างกายให้ตั้งตรง ช่วยทำให้สามารถหายใจได้ลึกกว่า กระบังลมจะมีพื้นที่มากขึ้นทำให้สามารถทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยให้หายใจผ่านจมูกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
2.ตระหนักรู้เกี่ยวกับร่างกาย ฝึกการรู้สึกตัวว่าในแต่ละช่วงเวลาร่างกายของเรากำลังตึงเครียดหรือผ่อนคลายอยู่ เมื่อร่างกายมีความผ่อนคลายก็ทำให้เราสามาถควบคุมจังหวะการหายใจและหายใจอย่างผ่อนคลายได้ หากร่างกายตึงเครียด อาจทำให้หายใจติดขัด ควรปรับภาวะ หรือเรียกสติกลับมาด้วยการฝึกหายใจ
3.ตระหนักรู้ในลมหายใจ สังเกตการหายใจว่าการหายใจในแต่ละช่วงวันเป็นอย่างไร เช่น ตระหนักรู้ว่าขณะใดที่หายใจอย่างผ่อนคลาย หายใจเป็นจังหวะ หรือหายใจเบา ๆ และหายใจลึก โดยผ่านปลายจมูกของคุณ
4.หายใจผ่านจมูก หายใจแบบปิดปากโดยลิ้นติดเพดานปาก เพื่อแน่ใจว่าลมหายใจเข้าและออกทางจมูก หากใครที่เป็นภูมิแพ้คัดจมูก ก็ควรใช้ที่ล้างจมูกเพื่อให้หายใจทางจมูกได้อย่างสะดวกขึ้น เพราะการหายใจผ่านจมูกดีกว่าผ่านทางปาก เพราะจมูกจะมีขนจมูกช่วยดักเชื้อโรคได้
5.หายใจให้ยาวขึ้น การหายใจให้ยาวขึ้นนั้น ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหายใจอย่างมีจังหวะขึ้น เมื่อหายใจเข้า ควรใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที และหายใจออกเป็นเวลาประมาณ 3-4 วินาที และมีช่วงหยุดประมาณ 2-3 วินาที ซึ่งการหายใจให้ยาวขึ้นทำให้การหายใจเข้ามึความลึกขึ้นอีกด้วย