Recommended for: When comparing Amnesia: The Bunker to the previous games, the major change is that there is more focus this time on the gameplay than the story. This doesn't mean the story is bad, it's actually pretty decent. If you read other reviews, you’ll frequently see that it's compared to Alien: Isolation (one of my favorite games). I agree that it has certain similarities, and if you like that game, then be sure to give this one a try.

If you don't know Alien: Isolation, the gameplay in Amnesia: The Bunker is basically about trying to find your way out of the bunker while a monster is hunting you. It relies heavily on sound-based game mechanics. Depending on the difficulty and the noise you make, the monster can find your location and will try to kill you. You will learn more about the story as the game progresses. So, Amnesia: The Bunker has interesting gameplay, which is a nice mix of stealth and action, along with a decent horror story. If you find this interesting, then be sure to check this one out.

Keep in mind that this game is more challenging than the previous Amnesia games, because of the focus on the gameplay. There are no puzzles in the game, and the specific gameplay mechanics might not be your thing if you're a traditional adventure gamer.

My experience: I was surprised the developers went in this direction with the focus on gameplay, but I have to admit it works pretty well in this game. Still, I wasn't as engaged with it as I was with Alien: Isolation. Maybe because the story was a bit too generic for my taste, so I wasn't fully immersed in the game. It was still ok overall, but I think Amnesia: The Dark Descent had a much better story. Even so, I had a good time playing Amnesia: The Bunker. Almost made me forget my traumatic experience with Amnesia: A Machine for Pigs. Almost...

Technical: I had no technical issues while playing. (W10,7800X3D,RX7800XT)

Personal Rating: 4/5

Pros:
-Amazing replayability
-Good gameplay
-WWI setting hell yeah
-Is actually scary
Cons:
-Horrible flashlight. It runs out faster than my will to live. Plus it's almost as loud as leftists on twitter
-Main character is French

ถ้าคุณเห็นชั่วโมงบินผมแล้วตกใจว่า "เห้ยเล่นไปแค่ 0.1ชม. แล้วเขียนรีวิวได้ไง" ผมจะบอกว่า "ผมเล่นเกมนี้จบแล้วครับ ประมาณช่วงกลางปี 2024 แต่เล่นใน Xbox Pass" ซึ่งตอนนี้ผมซื้อเกมนี้ใน Steam ด้วย เพราะ อยากอุดหนุนผู้พัฒนา (และอาจจะเล่นซ้ำอีกรอบในอนาคต) / สำหรับ Amnesia: The Bunker ผมยกให้เป็นภาคที่ น่ากลัวที่สุด และสนุกที่สุดครับ แต่ก็เป็นภาคที่ "เนื้อเรื่องธรรมดาที่สุดเช่นกัน" คือ ภาค1-3 เนื้อเรื่องมันสเกลระดับทำลายล้างโลกกันเลยทีเดียว แต่ภาคนี้ ชื่อภาคก็บอกอยู่ "The Bunker" ภาคนี้เนื้อเรื่องทั้งหมดจึงอยู่แค่ใน Bunker ใต้ดินก็แค่นั้น

เราเป็นทหารที่ฝื้นขึ้นในบังเกอร์และสูญเสียความทรงจำ เมื่อฝื้นขึ้นมาก็พบว่า บังเกอร์นี้ถูกปิดตาย เราต้องหาทางออก แต่ในขณะนั้นเอง เราก็ค้นพบกับสัตว์ประหลาดปริศนาที่หูดีมาก และจะคอยตามไล่ล่าเรา (แค่นี้แหละ เนื้อเรื่องคร่าวๆ)

• ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหลังบ้านของ Frictional Games เพราะ The Bunker ค่อนข้างถูกลดเกรดพอสมควร คือ ในภาค3 Rebirth นั้นภาพสวยมาก น่าจะสวยที่สุดในทุกภาค, แต่ The Bunker กลับให้ภาพที่ดูเป็นการ์ตูนหน่อยๆ เหมือนภาคแรก, และเนื้อเรื่องก็สเกลเล็กที่สุดในทุกภาค ผมเลยไม่รู้ว่า ทำไม Frictional Games ถึงตัดสินใจเล่นอะไรที่เซฟขึ้น (แต่ผมเดาว่า อาจจะเพราะ ลองของใหม่มั้ง เลยยังไม่กล้าทำแบบสุดโต่ง)
  
• เพราะ Amnesia: The Bunker นี่เป็นเกมภาคแรกที่ "เราสามารถสู้กลับได้" ภาคนี้ เรามีปืน มีระเบิด ตัวเกมจะให้บรรยากาศแบบ Alien Isolation คือ "Enemy เป็นอมตะ เราฆ่ามันไม่ได้ ปืนใช้ในการไล่มัน หรือทำให้ช้าลงแค่นั้น" ถ้าจะบอกว่า Amnesia: The Bunker เป็น Survival Horror ม้ามืดของปี 2023 ก็ว่าได้, ซึ่งส่วนตัวผมชอบมาก มันสนุก กดดัน ลุ้นระทึก และให้ความรู้สึกใหม่ๆ ถึงแม้ปกติผมจะชอบเกม Horror มากกว่า แต่สำหรับ The Bunker ในภาคนี้ ที่เปลี่ยนแนวเกมจาก Horror เป็น Survival Horror ก็เป็นสิ่งที่ตัดสินใจได้ดี เพราะในปี 2023 น่าจะเป็นช่วงบูมสุดๆ ของแนวนี้ มีทั้ง Alan Wake 2, RE4 Remake, Dead Space Remake ซึ่งเกมนี้ก็มาในช่วงกระแสนี้ได้พอดี และตัวเกมก็สนุกมาก ถึงแม้จะเปลี่ยนแนวเกมให้สู้ได้ แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็น Amnesia
  
• ระบบไฟฉาย ผมมองว่าเป็น Highlight ของภาคนี้ (ถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบ หรือรำคาญมัน) แต่ส่วนตัวผมมองว่า "มันคือ สิ่งที่ดีที่สุดของเกม" ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะ ผมชอบสถานการณ์กดดัน ซึ่งเกมนี้ตอบโจทย์ผมได้มากๆ, คือ Enemy ในภาคนี้ ไม่ได้เป็น Script ทั้งหมด มันมีบางช่วงที่ "ถ้าเราเสียงดัง มันจะมา มันไม่ได้ตาบอด มันมองเห็นและหูดีมาก" ซึ่งถ้า Enemy มันหูดี เราก็แค่เล่นเงียบๆ ก็รอดแล้วป่ะ ? นั่นแหละประเด็น ถ้าเงียบก็รอด แต่เกมนี้มันบังคับให้คุณเสียงดัง เพราะ เกมมืดมาก ถ้าไม่มีไฟฉาย (และไฟฉายเรา เป็นไฟฉายรุ่นคุณปู่ ที่ต้องปั่น) ซึ่งพอปั่นแล้วก็จะมีเสียงดัง และพอเสียงดัง Enemy ก็จะมา!!! ผมมองเป็นข้อดีนะ (มันไม่ได้ทำให้เกมยากขึ้น ขนาดนั้น) แต่มันทำให้เกมสนุกขึ้น และไม่น่าเบื่อต่างหาก และผมจะบอกว่า "ไฟฉาย ของ Bunker นั้นดีมาก มันสว่าง และอยู่นาน ยิ่งคุณปั่นนานยิ่งใช้ได้นาน และมันสแปมไฟฉายได้ด้วย (คุณสามารถปั่นแบบทีละนิดๆ เพื่อไม่ให้มันดับได้ และวิธีนี้เสียงจะเบากว่าปกติ)" ถ้าคุณคิดว่า "ไฟฉาย คือ ข้อเสียของเกม ผมแนะนำให้คุณลองเล่น "Ad infinitum" ครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "ระบบไฟฉายเหี้ยๆ และน่ารำคาญของจริงเป็นยังไง"
  
• ประสบการณ์เล่นของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แน่นอนว่า เกมนี้เป็นเส้นตรง ทุกคนที่เล่นมีเป้าหมายและ objective เดียวกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกัน "Item ที่ดรอป" ถ้าคุณโชคดี ได้ของดีตั้งแต่ต้นเกม เกมก็จะง่าย (ผมจำได้ว่าไอเทมที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นคือ กรรไกรตัดโซ่) ซึ่งผมไปดูบางคนเล่น เขาได้ตั้งแต่ต้นเกม โชคดีมาก (ซึ่งตอนผมเล่น กว่าจะได้ก็ปาไปเกือบจบเกม) ด้วยความที่ Item มัน Random นี่แหละ และ Enemy ก็เป็น Script ประมาณ 20% อีก 80% ไม่เป็น Script ทำให้เกมมันตึงมาก เพราะ ต่อให้คุณดูคนอื่นเล่นมาแล้ว แต่พอมาเล่นเอง ประสบการณ์ที่ได้ก็จะไม่เหมือนกัน (เล่นซ้ำได้)
  
• ส่วนตัวผมยกให้ภาคนี้สนุกที่สุดในทุกภาคนะ แต่ถ้าจะมีคนไม่ชอบผมก็เข้าใจได้ เพราะ ระบบหลายๆอย่างในเกม อาจจะดูน่ารำคาญ เช่น ไฟฉาย หรือเราต้องคอยเติมน้ำมันให้เครื่องปั่นไฟ ถ้าเครื่องปั่นไฟดับ ไฟในอุโมงก็จะดับ (คือ ระบบนี้ มันทำให้เราต้องวิ่งกลับไปกลับมาแหละ และทำให้เกมนาน) หลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่ผมมองว่า "มันคือ สีสรรค์ของเกมเลย" ผมอาจจะฮาร์ดคอหน่อยๆ ตรงที่ "ผมชอบเกม Horror ที่มันกดดันผมได้ (แต่น่ากลัวมากจนเล่นไม่จบก็ไม่ไหวนะ) กดดันกับน่ากลัวจัดไม่เหมือนกันนะ แยกให้ออก" ซึ่งผมมองว่า "เกมนี้น่ากลัวและสนุกเทียบเท่า Alien Isolation เลย (แต่เกมไม่ได้ใจร้ายเท่า Alien)"
  

• มันไม่เชิงข้อเสียหรอก แต่ผมแอบเสียดายเฉยๆ ที่ ภาคนี้มันเพลย์เซฟไปหน่อย คือ เนื้อเรื่อง สเกลเนื้อเรื่อง ฉาก กราฟฟิค ทุกอย่างมันดูเซฟไปหมด นี่น่าจะเป็น Amnesia ภาคที่เนื้อเรื่องกากที่สุด และเกมสั้นที่สุดในทุกภาค (ผมจำไม่ได้ว่าตอนเล่นใน Xbox ผมเล่นไปกี่ชั่วโมง แต่มันสั้นมาก หากเทียบกับ 1-3) / แต่คิดว่า เพราะ มันกลายเป็น Survival Horror ที่สู้กลับได้ภาคแรกของแฟรนไชส์แหละมั้ง เขาเลยยังไม่กล้าเล่นใหญ่ (ซึ่งผมคาดหวังว่า ในอนาคต หากมีเกมภาคใหม่ และยังทำเป็น Survival Horror อยู่ ผมคาดหวังที่จะได้เห็นอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้)

มันเป็นเกมม้ามืดของปี 2023 ครับ (มัน Underrate เลยแหละ) คือ เกมมันดีสวนทางกับกระแสมากๆ อาจจะเพราะในปีนั้น มันมี Horror Survival เจ้าใหญ่หลายเจ้าด้วยแหละ เกมนี้เลยถูกกระแสกลบไป แต่มันเป็นหนึ่งในเกมที่ดีมากของปีนั้นได้เลยนะ